รอง. ผอ.โรงพยาบาลตราด ถูกรถชน ขณะวิ่งออกกำลังช่วงค่ำ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้านเจ้าของรถยอมรับดื่มสุรามาก่อนอุบัติเหตุ นายสายชล ชำปฏิ อายุ 54 ปี เป็นเภสัชกร และรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลตราด ถูกรถชน บริเวณ ถนนสุขุมวิท สาย 3 ตราด-คลองใหญ่ หลักกิโลเมตรที่ 9-10 ต.ท่าพริก อ.เมือง โดยผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ บริเวณหน้าอกและขาขวามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
ก่อนนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพตราด ใกล้กันพบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีขาว สภาพกระโปรงหน้ารถมีรอยยุบ กระจกหน้ารถแตกละเอียด ทราบชื่อผู้ขับขี่ว่า นายสามารถ อายุ 53 ปี อยู่ในอาการมึนเมาสุราอย่างหนัก ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เมื่อสอบถามนายสามารถ คนขับรถยนต์กระบะ เล่าว่า ตนขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากด่านเนินสูง กำลังมุ่งหน้าไปตัวเมืองตราด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตนก้มไปเก็บของทำให้รถเกิดเสียหลักไปชนคนที่เดินอยู่ริมถนน และยอมรับว่าก่อนมาขับรถตนได้ดื่มสุรามาด้วย
ทางด้านนางพักตร์วิไล ชำปฏิ ภรรยาของนายสายชล ชำปฏิ ผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุได้ร้องไห้โฮด้วยความเป็นห่วงสามี โดยบอกว่าสามีของตนจะออกไปวิ่งออกกำลังกายบริเวณถนนสายดังกล่าวเป็นประจำ ในช่วงเวลา 20.00 น. หลังทราบข่าวตนก็รีบมาดูสามีของตนที่เกิดเหตุ
เบื้องต้น ร.ต.อ.จักรพงษ์ วงศ์กุลพิลาศ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวคนขับรถดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ศาลในขอนแก่น คงคำตัดสินประหารชีวิตคดีของ สมคิด พุ่มพวง หรือ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์เมืองไทย ฆาตกรต่อเนื่องฆ่าหญิง 6 ศพ ศาลในจังหวัดขอนแก่นคงคำตัดสินเดิม กรณีคำสั่งพิพากษานาย สมคิด พุ่มพวง นักโทษประหาร จากคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 ปลายปี 2562 ทั้งที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือน
แม้ว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนในครั้งแรก เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ซึ่งศาลมองว่า คำรับสารภาพดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น
ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปราณี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง
ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียวริบของกลาง
ศาล ประทับฟ้อง ทวี สอดส่อง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ศาลนัดฟังคำสั่งในคดีอท.114/2562 ที่พล.ต.ท. สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจเเห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ. สุชาติ วงษ์อนันตชัย รองอธิบดี ดีเอสไอ พ.ต.ท. เบญจพล จันทวรรณ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย
ในขณะนั้นในฐานความผิดฐานร่วมกัปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ ตาม ป. อาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200 เเละข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
โดยศาล มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย และ พ.ต.ท. เบญจพล จันทวรรณ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ ตาม ป. อาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200 พร้อมนัดพร้อมสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 9 เม.ย.64
พล.ต.ท. สมคิด กล่าวว่ากรณีดังกล่าว จำเลยกับพวกได้ร่วมกันนำพ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก จำเลยซึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดจำคุกตลอดชีวิตมาคุ้มครองพยานตามมาตรการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละนำตัวมาสอบสวนเพื่อนำตัวมาต่อรองคดี ซึ่งต่อมาพยานปากดังกล่าว ได้ถูกพาหลบหนีจนปัจจุบันยังไม่ได้นำตัวกลับมารับโทษในคดี
สำหรับคดีนี้ โดยก่อนหน้าได้เคยยื่นฟ้องคดีตั้งเเต่เมื่อปี 2552 เเต่ในขณะนั้นโจทก์อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีที่ถูกกล่าวหาอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อารูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ศาลจึงได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี จนกว่าจะรอผลคำพิพากษาคดีหลักให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ต่อมามีผลคำพิพากษายกฟ้อง 3 ศาล
จึงได้นำคดีที่สั่งจำหน่ายไว้ 10 ปีขึ้นมาไต่สวน เเละมีคำสั่งประทับรับฟ้องในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ ตาม ป. อาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร